ญาติ 7 คน ข่มขืน – เกิดเหตุชวนสลดหดหู่ขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นปัญหาทางเพศในครอบครัว เหยื่อเป็นเด็กหญิง ป.6 อายุ 12 ปี ถูกญาติชาย 7 คนรุมข่มขืนกระทำชำเรานานนับ 2 ปี แต่ไม่มีใครรู้ เรื่องมาแดงตรงที่ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) ไปบอกสาวบี ญาติผู้พี่เนื่องจากเจ็บอวัยวะเพศ
เมื่อพาไปหาหมอพบว่า
เด็กหญิงเอกอวัยวะเพศฉีกขาด มดลูกอักเสบ ญาติจึงพาเด็กหญิงเอ เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นำไปสู่การจับกุม ผู้ญาติผู้ต้องสัย 7 ราย 5 รายเป็นผู้ใหญ่ ให้การภาคเสธ อ้างว่าเด็กหญิงเอสติไม่ดี (ทราบชื่อคือ นายพะเยาว์ อายุ 32 ปี นายสุรัตน์ อายุ 34 ปี นายทรงวุธต์ หรือโด้ อายุ 20 ปี นายอนันต์ อายุ 51 ปี นายประเชิญ อายุ 32 ปี –ไทยรัฐออนไลน์) ที่ช็อกคืออีก 2 รายที่กระทำชำเรา เป็นเด็กชายอายุเพียง 10-12 ปี
ญาติได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่รู้เรื่องมาก่อว่าเด็กหญิงเอ ถูกญาติ 7 คนรุมข่มขืนกระทำชำเรานานกว่า 2 ปี
ด้านนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่าได้ให้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ล่าสุดวันนี้ 15 มิ.ย. ตำรวจ สภ.สุพรรณบุรี แจ้งว่าได้ออกหมายจับผู้ต้องหาผู้ใหญ่ ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น
โดยพฤติการณ์ของผู้กระทำการทั้ง 5 คน มีดังนี้ นายอนันต์ อายุ 51 ปี กระทำชำเราเด็กหญิงเอที่บ้านของผู้ต้องหาเองจนสำเร็จความใคร่และใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศ พร้อมขู่ว่าหากไปบอกใครจะทำร้าย กระทำการหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 3 มิ.ย. / นายทรงวุธต์ อายุ 21 ปี บังคับขู่เข็ญกระทำชำเราเหยื่อที่บ้านพักตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.61 เรื่อยมา เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาในขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน / นายประเชิญ อายุ 32 ปี กระทำชำเราในบ้านของเหยื่อหลายครั้งในห้องน้ำจนสำเร็จความใคร่และข่มขู่ว่าจะฆ่า ถ้าหากเอาเรื่องไปบอกคนอื่น / นายพะเยาว์ อายุ 32 ปี ข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อขณะที่ไม่มีคนอยู่ จนสำเร็จความใคร่ / นายสุรัตน์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายอนันต์ ผู้ต้องหาที่ 1 บังคับกระทำชำเรา ตามคำให้การของเหยื่อก็คือวันเว้นวัน วันสุดท้ายก็คือวันที่ 3 มิ.ย.
ขณะที่เด็กชายอีก 2 ราย ได้กระทำชำเราเด็กหญิงเอหลายครั้งเช่นกัน ได้ทำหนังสือเรียกตัวมาสอบปากคำ ออกหมายจับไม่ได้เพราะเป็นเด็ก
ทั้งนี้เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ไปส่งฝากขังต่อที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี โดยตำรวจไม่อนุมัติให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และให้ไปทำเรื่องประกันในชั้นศาล
ผลตรวจดีเอ็นเอ คดีน้องชมพู่ออกแล้ว
จากกรณีที่ น้องชมพู่ เด็กหญิงอายุ 3 ขวบ หายตัวไปจากบ้านพักเลขที่ จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 63 หลังจากค้นหานาน 4 วัน วันที่ 14 พฤษภาคม ก็ได้พบศพน้องชมพู่ในป่าเทือกเขาภูพานน้อย เบื้องต้นพบว่าน้องชมพู่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต และผลชันสูตรรอบ 2 จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่าพบร่องรอยถูกทำร้าย บาดแผลที่อวัยวะเพศ และพบหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุเป็นเบาะแส
ต่อมาวันที่ 10 มิ.ย. มีรายงานว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอบุคคลต้องสงสัยกับหลักฐานบางอย่าง ผลออกมาแล้ว แต่ตร.ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งหลักฐานที่นำไปตรวจเป็นเส้นผม หรือขนบางอย่าง ตกอยู่ใกล้ศพน้องชมพู่ ไม่แน่ชัดว่าผลการตรวจดีเอ็นเอนี้ จะนำไปสู่การออกหมายจับได้หรือไม่
ด้านลุงพลผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย กล่าวว่า หากมีหมายจับออกมาจริง และเป็นตนเอง ก็ต้องดูว่าหมายจับนั้นนำมาจากหลักฐานอะไร ต้องมีรายละเอียด เพราะช่วงระหว่างที่ตนพบศพน้องชมพู่นั้น มีการถอดหมวก มีเหงื่อเยอะมาก อาจจะกระเด็นโดนศพ และไม่ใช่แค่เหงื่อตนคนเดียว มีชาวบ้านคนอื่นๆ อีก
ตนยังได้นำเสื้อผ้าน้องชมพู่ที่พ่อแม่เตรียมไปให้ ไม่แน่ใจว่าหยิบเสื้อผ้าทีละชุด หรือยื่นทั้งกระเป๋า อาจจะมีลายนิ้วมือตน หรือดีเอ็นเอปะปนไปได้ รวมทั้งกระเป๋าเป้ที่ใช้ขึ้นเขาของตน ตำรวจก็เอาไปตรวจสอบ และพบรอยดิน คล้ายกับที่พบอยู่ที่รอยเท้าน้องชมพู่ ก็อาจจะสงสัยอีก เพราะดินที่เห็นเป็นดินที่ติดมาจากขวดน้ำที่นำไปดื่มเวลาขึ้นภูเหล็กไฟ
ส่วนการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมตอนที่เจอรองเท้าน้อง ลุงพลกลับเตรียมเสื้อผ้าน้องไปด้วย ทำไมถึงรู้ว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ลุงพลบอกว่า ตนไม่ได้เป็นคนเตรียมเสื้อผ้าน้องชมพู่ไป แต่เป็นพ่อของน้อง เพราะคุณหมอที่สนิทแนะนำว่าให้นำเสื้อผ้า อาหารน้ำดื่ม เตรียมไปให้น้องด้วย และยังบอกวิธีการดูแล เพราะทุกคนเชื่อว่า ตอนนั้นน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่
ตนอยู่ในเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง มีความสงสัยหลายประเด็น แต่เก็บไว้ในใจ เคยคิดว่าเป็นไปได้หรือว่าหลงป่า เพราะเคยมีเด็กหลงป่าอยู่ในนั้นถึง 7 วัน แต่ไม่ได้เสียชีวิต มันก็ทำให้คิดได้ถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแค่การสันนิษฐาน ขอยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้โดยเร็ว
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร